สุภโชค สารชาติ แนวรุกทีมชาติไทย ยู-23 ปี ออกโรงเปิดใจผ่าน "เอเอฟซี" ก่อนลุยศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย ที่เมืองไทย ลั่นเป้าพาทีมตีตั๋วไปบู๊โอลิมปิก 2020 ให้จงได้ แม้ทุกทีมล้วนมาตรฐานสูงก็ตาม ยืนยันไม่โฟกัสเป้าหมายส่วนตัว แต่เน้นเล่นเพื่อทีมเป็นหลัก เว็บไซต์ทางการของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ตีบทสัมภาษณ์ของ สุภโชค สารชาติ แนวรุกวัย 21 ปี ของทีมชาติไทย ชุดลุยศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 8-26 ม.ค.63 ที่ได้ออกมาเปิดใจกับทางเอเอฟซีก่อนพาทัพ "ช้างศึก" หวดรายการใหญ่ของเอเชีย ตัวรุกจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เผยว่า "ผมเชื่อว่าตอนนี้เรามีประสิทธิภาพที่ต่างจากหนก่อนๆมาก เราได้เล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอล รวมกับความพยายามของนักเตะที่มีประสบการณ์เกมใหญ่ จะช่วยให้เราชนะคู่แข่งได้ แน่นอนว่าเรากดดันเพราะเล่นในบ้าน แต่เราจะเปลี่ยนความกดดันเป็นแรงจูงใจ และทำให้ดีที่สุด เพื่อแฟนบอลของเรา" "อย่างไรก็ดีผมไม่ได้สนใจกับเป้าหมายส่วนตัวเลยจริงๆ ทีมสำคัญกว่ามาก ถ้าผมยิง 10 ลูก แต่ทีมแพ้ก็ไม่มีความหมาย และผมมั่นใจว่าเพื่อนๆ ก็คิดเหมือนกัน แน่นอนว่าแมวมองจากที่ต่างๆ คือแรงจูงใจให้พยายามทำผลงานที่ดี แต่ควรมีทีมที่ดี ถ้านักเตะเล่นดีแค่ 1-2 คน แสดงว่าเกิดปัญหาใหญ่แล้ว" "ส่วนคู่แข่งในรอบแรกในรายการ ยู-23 ปี เอเชีย คือรายการที่ยาก ทุกทีมล้วนมาตรฐานสูง อีก 3 ทีมในกลุ่ม ล้วนคุณภาพดีมาก แม้ผมจะไม่รู้รายละเอียดมากก็ตาม แต่ชัดเจนคือประมาทไม่ได้ ซึ่งไทยต้องทำให้ดีที่สุดใน 3 แมตช์ เป้าหมายแรกคือเข้ารอบ รายการนี้คัดเลือกทีมไปโอลิมปิกเกมส์ จึงความหมายอย่างมากสำหรับเรา ทุกคนหวังว่าจะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราเป็นเจ้าภาพ มีความคาดหวังจากแฟนและจากทีม เราจะไปให้ไกลที่สุด ซึ่งจุดหมายคือการเข้ารอบโอลิมปิกเกมส์" สำหรับทีมชาติไทย ร่วงตกรอบแรกในรายการ ยู-23 ชิงแชมป์เอเชียมา 2 ปีติดต่อกันทั้งที่ กาตาร์ ปี 2016 และ จีน ปี 2018 โดยในปี 2020 ขุนพลช้างศึก อยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ อิรัก, ออสเตรเลีย และบาห์เรน ซึ่งจะประเดิมสนามพบกับบาห์เรนในวันที่ 8 ม.ค. 63 ต่อด้วยพบออสเตรเลีย วันที่ 11 ม.ค. 63 และปิดท้ายเจอกับอิรัก วันที่ 14 ม.ค. 63 ซึ่งจะเล่นที่สนามราชมังคลกีฬาสถาน ในเวลา 20.15 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี ทุกนัด