เหตุการณ์มันถึงขั้นที่ว่าแฟนบอลกลุ่มดังกล่าวโต้เถียงกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ด้วย โดยว่ากันว่าทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันเป็นเวลาราว 5 นาที ก่อนที่ทุกอย่างจะยุติลง แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็ทำให้ตอนแรกนักเตะบางคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถขับรถเข้าสนามซ้อมได้เช่นกัน หลังจากกองเชียร์กลุ่มดังกล่าวถึงขั้นปิดทางเข้า เอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์ ในช่วงหนึ่ง
ทั้งนี้ แฟนบอลกลุ่มที่ทำการประท้วงในครั้งนี้มีชื่อว่า แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ โดยในบรรดา "เร้ด อาร์มี่" ด้วยกันเองนั้น มันก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยกับการกระทำของแฟนบอลกลุ่มดังกล่าว และคนที่มองว่าพวกเขาทำไม่เหมาะสมเช่นกัน แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ ก่อเหตุการณ์ที่ทำให้ถูกพูดถึงกันในโลกลูกหนัง
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2010 ในขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ กำลังพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ในแมนชั่นสุดหรูมูลค่า 4.5 ล้านปอนด์ของเขานั้น เขาก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ มีกลุ่มคนราว 30 คนมารวมตัวกันอยู่หน้าบ้านของเขาที่ตั้งอยู่แถวเพรสต์บิวรี่ ในย่านเชสเชียร์ ในช่วงเวลาราว 2 ทุ่มครึ่ง
ใช่แล้ว คนกลุ่มดังกล่าวก็คือ แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ รูนี่ย์ แสดงเจตนารมณ์ในตอนแรกว่าไม่ต้องการเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกต่อไป หลังจากมองว่าทีมขาดความทะเยอทะยานในการไล่ล่าความสำเร็จ แถมยังมีข่าวลือด้วยว่าเจ้าตัวคิดที่จะย้ายข้ามฟากไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่อริร่วมเมืองของยอดทีมแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยที่ตอนนั้น รูนี่ย์ เหลือสัญญากับทีมจนถึงปี 2012 เท่านั้น
เหล่าสมาชิก แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ ที่ไปรวมตัวกันหน้าบ้านของ รูนี่ย์ ในตอนนั้นแต่งตัวกันมาในสภาพที่สวมฮู้ดเอาไว้กันทั้งหมด โดยมีบางคนกดอินเตอร์คอมแบบรัวๆ ด้วย ขณะที่คนหนึ่งพูดว่า "เราแค่อยากจะคุยกับนายน่ะ เวย์น เราอยากให้นายอธิบายเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้นายอยากย้ายทีม เราจะไม่ทำร้ายนายหรอก"
คำพูดดังกล่าวอาจจะฟังดูน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่ว่ามันมีคนที่ชูป้ายที่มีข้อความว่า "ถ้าย้ายไป ซิตี้ มึงตาย" เอาไว้ด้วย
ในตอนนั้นทั้ง คอลีน หวานใจของ รูนี่ย์ และ ไค ทายาทรักของพวกเขาก็อยู่ในบ้านด้วย ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ รูนี่ย์ จะรีบโทรศัพทืแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเคลียร์สถานการณ์ ซึ่งตำรวจก็รีบมายังบ้านของเขา ก่อนที่กลุ่มแฟนบอลกลุ่มดังกล่าวจะแยกย้ายกันไปโดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
วีรกรรมของ แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ ไม่หมดแค่นั้น เพราะเมื่อช่วงเดือนมกราคมปีก่อนพวกเขาก็ยกพลบุกไปยังที่บ้านของคนที่เกี่ยวข้องกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง และคนที่ว่าก็คือ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ที่ตอนนี้กลายเป็น "อดีต" รองประธานบริหารไปแล้ว
ในครั้งนี้คนที่ก่อเหตุมีราว 20 คน และพวกเขาก็กดอินเตอร์คอมส่งเสียงดังเหมือนกับตอนของ รูนี่ย์ เพียงแต่ที่ต่างออกไปก็คือ วู้ดเวิร์ด กับครอบครัวของเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านในตอนที่เกิดเหตุ
ถึงกระนั้น เหล่าสาวก แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ ก็ไม่จากไปแบบไร้ของฝาก พวกเขาพ่นสเปรย์สีแดงตรงบางส่วนของบ้าน พร้อมกับปาระเบิดควันสีแดงและพลุไฟเข้าไปภายในบ้านราคา 2 ล้านปอนด์ของ วู้ดเวิร์ด ขณะที่มีการใช่แคปชั่นในคลิปวิดีโอระหว่างก่อเหตุฉาวด้วยว่า "เอ็ด วู้ดเวิร์ด ต้องตาย"
"วู้ดเวิร์ด มันเป็นผู้บริหารระดับหายนะ และจำเป็นต้องออกจากสโมสรโดยด่วน" หนึ่งในคนที่อ้างว่าอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงเผยกับ เดอะ ซัน "มีคนเตือนมันตั้งหลายคน แต่มันดูเหมือนจะไม่รับฟังเลย อาจจะเป็นเพราะมันได้เงิน 4 ล้านปอนด์ต่อปีก็ได้ ดังนั้นเราเลยตัดสินใจจะแวะมาบอกกับมันต่อหน้ามันเลย จริงอยู่ว่าเราไม่ได้คุยกับมัน แต่ก็หวังว่ามันจะได้รับข้อความที่เราต้องการสื่อแล้วนะ เพราะเราจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ในระหว่างที่สโมสรของเราโดนทำลายแน่"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นข่าวฉาวระดับหนึ่งในตอนนั้น ขนาด แกรี่ ลินิเกอร์ ตำนานดาวเตะชาวอังกฤษยังพิมพ์ลง ทวิตเตอร์ เลยว่า "ถ้านี่เป็นเรื่องจริงมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมากๆ เขามีลูกฝาแฝดตัวเล็กๆ อยู่ด้วยนะ ให้ตายเถอะ" แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเรื่องที่เกิดขึ้นเลย
หลายคนเชื่อว่าหากตระกูลเกลเซอร์ยังไม่ออกไปแล้วนั้น แมนเชสเตอร์ เอดูเคชั่น คอมมิตตี้ ก็อาจจะก่อการประท้วงที่กลายเป็นข่าวดังอีกครั้งก็ได้ และก็ไม่รู้ว่าหากเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นจริงๆ แล้วล่ะก็ ทุกอย่างจะจบลงโดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเหมือนกับที่ผ่านๆ มารึเปล่า