วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ เซลติก ก็ไม่มีปัญหาในการจัดทีมเช่นกัน เพราะสภาพความพร้อมของทีมสมบูรณ์ 100% เชื่อว่า "บีร็อดจ์" จะขน "อาวุธหนัก" ลงสนามเต็มอัตราศึกแน่ๆ น่าจะนำทีมมาโดย สก็อต ซินแคลร์ (12 นัด / 4 ประตู), เจมส์ ฟอเรสต์ (11 นัด / 3 ประตู) รวมไปถึง มุสซ่า เดมเบเล่ (8 นัด / 4 ประตู)

      สตีเฟ่น โรบินสัน นายใหญ่ของ มาเธอร์เวลล์ ไม่มีรายงานเรื่องนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามา นั่นทำให้สามารถเลือกชุดที่ดีที่สุดลงสู้ศึกได้แน่ คาดว่า โรบินสัน จะวางหมากมาในระบบ 5-3-2 โดยจะมี ลูอิส โมลท์ (13 นัด / 8 ประตู) กับ ไรอัน โบว์แมน (13 นัด / 4 ประตู) รับบทบาทเป็นเพชรฆาตคอยล่าตาข่ายเคียงข้างกัน

ตัวแทนจาก เซกุนด้า เบ อย่าง ฟอร์เมนเตร่า เริ่มยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้บ้างหลังไม่แพ้ใครมา 4 เกมติด(ชนะ2เสมอ2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะได้เห็น ฆวน อันโตนี่ ปักหลักเป็นหน้าเป้าโดยมี โฆเซบา การ์เมน คอยยืนเป็นตัวต่ำพร้อมกับวาง อาเดรียน รีเอร่า และ โอมาร์ อัลบาเรซ คอยขึ้นเกมจากริมเส้นในระบบ 4-2-3-1

ฟอร์เมนเตร่า (4-2-3-1) : มร์กอส กอนเตร่า ; คิงส์ลี่ย์, ซามูเอล, ฆาบี โรซ่า, ไดลอส เทเฆร่า ; เฟร์นานโด ลินัน ; เฟร์นานโด เกส ; โอมาร์ อัลบาเรซ, โฆเซบา การ์เมน, อาเดรียน รีเอร่า ; ฆวน อันโตนี่

โฆเซ่ อังเคล ซิกานด้า กุนซือบิลเบา จะไม่มีชื่อของ อิเกร์ มูเนียอิน (6 นัด 1 ประตู) และ เบนญัติ (6 นัด) ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นที่จะลงสนามเกมนี้แน่นอนว่าจะเป้นชุดสำรองพาเหรดกันออกสตาร์ทโดยมี ซาบิน เมริโน่ กับ อาเกร์ อเก็ทเช่ เพลย์เมกเกอร์วัย 23 กระรัตได้โอกาสลงพิสูจน์ฝีเท้าในระบบ 4-4-2 โดยมี มาร์เกล ซูซาเอต้า และ อินีโก้ กอร์โดบา ขึ้นเกมทางริมเส้น

แอธฯบิลเบา (4-4-2) : เอคตอร์ เอร์เรริน ; โบเวด้า, ชาเบียร์ เอ็ทเชียต้า, อายเมริค ลาปอร์เต้, เอริก ซาโบริต ;อินีโก้ กอร์โดบา, ซาน โฆเซ่, เวสก้า ; มาร์เกล ซูซาเอต้า - อเก็ทเช่, ซาบิน เมริโน่

      อันโตนิโอ กาลาโบร เทรนเนอร์ของ คาร์ปิ เตรียมขน 11 ขุนพลชุดที่เปิดบ้านชนะ ปาร์ม่า 2-1 ลงบู๊กันต่อ เนื่องจากลูกทีมทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว นั่นหมายความว่า จานมาร์โก้ มัลคอเร่ (11 นัด / 5 ประตู) และ เจอร์รี่ เอ็มบาโคกู (11 นัด / 3 ประตู) จะได้รับความไว้วางใจให้ยืนเป็น "คู่กองหน้า" ต่อไปเหมือนเดิม

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
คาร์ปิ (3-5-2) : ซิโมเน่ โคลอมบิ - อเลสซิโอ ซับบิโอเน่, อานิบัล คาเปล่า, ฟาบริซิโอ โปลี่ - โทเบียส พาโชนิค, ลูก้า แวร์น่า, ดานิเอเล่ โจริโก้, ดาริโอ ซาริช, โลเรนโซ่ ปาสกุยติ - จานมาร์โก้ มัลคอเร่, เจอร์รี่ เอ็มบาโคกู

      ซินิซ่า มิไฮโลวิช เฮ้ดโค้ชของ โตริโน่ ไม่มีปัญหาใดๆ เรื่องสภาพทีม จึงสามารถเลือกใช้งานนักเตะได้ตามใจชอบ เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะเป็นชุดผสมลงเล่น เพราะ มิไฮโลวิช คงอยากให้ตัวหลักๆ ได้พักบ้าง โดยชื่ออย่าง ซาดิค อูมาร์ (3 นัด), มานูเอล เดอ ลูก้า และ อเล็กซ์ เบเรนกูร์ (8 นัด) จะได้ลงโชว์

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โตริโน่ (4-3-3) : ซัลวาโตเร่ ซิริกู - โลเรนโซ่ เด ซิลเวสตรี้, นิโกล่าส์ เอ็นคูลู, เอมิเลียโน่ โมเร็ตติ, คริสเตียน โมลินาโร่ - โจเอล โอบิ, อัฟริยี่ อัคควาห์, ดานิเอเล่ บาเซลลี่ - ซาดิค อูมาร์, มานูเอล เดอ ลูก้า, อเล็กซ์ เบเรนกูร์

เยย์ด้า ตัวแทนจากเซกุนด้า เบ แม้จะพ่ายจากเกมแรกแค่ 0-1 แต่เกมนี้คงจำเป็นต้องส่งแข้งสำรองลงบู๊เพราะผลงานในลีกยังไม่สู้ดีนักหลังไม่ชนะใครมา 5 เกมรวด(เสมอ2แพ้3) ซึ่งเกมนี้จะได้เห็นผู้เล่นอย่าง บาลิเอนเต้ (14 นัด) และ มูสตาฟา (15 นัด 2 ประตู)ลงยืนเป็นจอมทัพร่วมกันพร้อมกับวาง โบยาน ราดูโลวิช (7 นัด)ลงเป็นตัวจบสกอร์ 4-2-3-1

เยย์ด้า (4-2-3-1) : ดิเอโก้ ริบาส ; ไอตอร์ นูเนซ, เอเนโก้ ซาตริสเตกี, มาร์ก ตริลญาส, เฟอร์นานโด พูมาร์ ; บาลิเอนเต้, มูสตาฟา ; ฆาบี โลเปซ, อากูโด้, มูซ่า ; โบยาน ราดูโลวิช

เอวเซบิโอ ซากริสตาน ผู้จัดการทีม เรอัล โซเซียดัด อยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดๆหลังไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนให้กังวลใจ ซึ่งเกมนี้แน่นอนว่าจะเห็นแข้งสำรองพาเหรดลงสนามและเตรียมพัก อัดนาน ยานาซาย, มิเกล โอยาซาบัล และ วิลเลี่ยน โฆเซ่ เพื่อเปิดทาง การ์ลอส เวล่า, บาอูติสซ่า และ ฆวนมี่ ลงยืนสามแนวรุก เช่นเดียวกับ อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ และ ชาบี ปรีเอโต้ จะถูกถอดจากผังแดนกลางเช่นกัน

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : โตนโญ่ ; มาร์ติเนซ, ราอูล นาบาส, เอาริตซ์, เดอ ลา เบย่า ; รูเบน ปาร์โด, ซูเบลดิอา, เซร์คิโอ กานาเลส ; การ์ลอส เวล่า, บาอูติสซ่า, ฆวนมี่

      ฟาบิโอ เป็คเคีย กุนซือของ เวโรน่า จะไม่มีชื่อของ มัตเตโอ เบียงเช็ตติ, มัตเตีย ซัคคักนี่ (6 นัด), อเลสซิโอ เเชร์ชี่ (11 นัด / 1 ประตู) และ จิอัมเปาโล ปาซซินี่ (14 นัด / 4 ประตู) เพราะโดนไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ อเล็กซ์ แฟร์รารี่ (5 นัด) กับ มอยเซ่ คีน (9 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เวโรน่า (4-4-2) : นิโคลัส - มาร์ติน กาเซเรส, อันโตนิโอ คารัชโชโล่, โตมาส อูร์โตซ์, โมฮัมเหม็ด ฟาเรส - โรมูโล่, บรูโน่ ซูคูลินี่, มาเซล บูเชล, ดานิเอเล่ แวร์เด้ - มัตเตีย วาโลติ, มอยเซ่ คีน

      โรลันโด้ มารัน นายใหญ่ของ คิเอโว่ มีรายงานเรื่องลูกทีมเจ็บเข้ามา 5 คน คือ สเตฟาโน่ ซอร์เรนติโน่ (14 นัด), ลูกัส กาสโตร (13 นัด / 2 ประตู), เพอร์พาริม ฮาเตมาย (12 นัด / 2 ประตู), ซามูเอล บาสติยง (7 นัด / 1 ประตู) และ ฟาบิโอ เดเปาลี (5 นัด) นั่นบังคับให้ มารัน ต้องปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงเป็นการด่วน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
คิเอโว่ (4-3-1-2) : อันเดรีย เซคูลิน - ฟาบริซิโอ จัคคาตอเร่, ดาริโอ ดายเนลลี่, อเลสซานโดร กัมเบรินี่, มัสซิโม่ ก็อบบี้ - นิโคล่า ริโกนี่, อีวาน ราโดวาโนวิช, ลูก้า การ์ริตาโน่ - วอลเตอร์ เบียร์ซ่า - โรแบร์โต้ อินเกลเซ่, มานูเอล ปุคคาเรลลี่

ส่วน "ซูปเปอร์เดปอร์" ของกุนซือ คริสโตบัล แทบจะปล่อยเกมนี้ทิ้งค่อนข้างแน่เพราะต้องไปโฟกัสเต็มที่ในลีกเช่นกัน แถมยังจะพัก เซลโซ่ บอร์เกส (12 นัด/3 ประตู) และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ (11 นัด)ที่ไม่ได้เดินทางไปกับเพื่อนร่วมทีม อีกทั้งยังต้องเช็คความฟิตในรายของ อเลฆานโดร อาร์รีบาส กองหลัง และ ฟลอริน อันโดเน่ กองหน้าก่อนลงสนาม ส่วนแข้งตัวจริงพวกเขาเตรียมวาง ลูกัส เปเรซ ที่ยิงในลีกไปแล้ว 4 เม็ดลงล่าตาข่ายในระบบ 4-2-3-1

ลา กอรุนญ่า (4-2-3-1) : คอสเทล พานติลิมอน - เคราร์ด บาเลนติน, ฟาเบียน ชาร์, โอเน, ซาอูล - เปโดร มอสเกร่า, กีเยร์เม่ - จิล, เอ็มเร่ โคลัค, บอร์ฆา บาเล่ - ลูกัส เปเรซ

ปาโก้ อาเยสตารัน เทรนเนอร์ ลาส พัลมาส ยังคงขนแข้งสำรองพาเหรดกันออกสตาร์ทเกมนี้แน่เพราะภาระกิจที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการนำทีมรอดพ้นจากโซนตกชั้นให้ได้ แถมเกมแรกยังตุนความได้เปรียบมาแล้วจากการบุกชนะ ลา กอรุนญ่า 4-1 ส่วนตัวผู้เล่นในเกมนี้จะได้เห็น เอร์นัน โตเลโด้ กองหน้าตัวสำรองถูกส่งลงมาขึ้นเกมทางกราบขวาโดยมี บิเซนเต้ และ อุสซาม่า ยืนเป็นสามประสานคอยป้อนให้ โจนาธาน กาเยรี่ ลงจบสกอร์แทนที่ตัวหลักอย่าง โลอิก เรมี ที่จะได้พักในเกมนี้

ลาส พัลมาส (4-2-3-1) : เลอันโดร ชิชิโซล่า - ดาบิด ซิมง, บอร์ฆา เอร์เรร่า, ชีโม่ นาบาร์โร่, อายธามี - เซร์กี ซัมเปร์, เอร์นัน - โตเลโด้, บิเซนเต้, อุสซาม่า - โจนาธาน กาเยรี่

นับตั้งแต่เดวิด มอยส์ เข้ามาคุมทีม เวสต์แฮม ยังเอาชนะในเกมพรีเมียร์ลีกไม่ได้เลย ประเด็นสำคัญในเกมนี้คือตัวเจ็บหลายๆตัวที่เป็นเเข้งดังอย่าง ชิชาริโต้,มิเชล อันโตนิโอ,โชเซ่ ฟอนเต้ และ เจมส์ คอลลินส์ เจ็บไม่สามารถลงเล่นได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามข่าวดีเล็กๆยังพอมให้เห็นเพราะ มาร์โก อเนาโตวิช ไม่ได้เจ็บมากมายอะไรจะกลับมาออกสตาร์ทเกมรุกร่วมกับ มารูเอล ลานซินี่ และ แอนดี้ แคร์โรลล์

เวสต์แฮม 4-2-3-1 : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า,อังเจโล่ อ็อกบอนนา,วินสตัน รีด,ริชาร์ด เครสเวลล์ - มาร์ค โนเบิล,ชิกฮู คูยาเต้ - มาร์โก อเนาโตวิช,มานูเอล ลานซินี่,มูซูอากู และ แอนดี้ เเคร์โรลล

เอฟเวอร์ตัน ที่ใช้กุนซือสำรองอย่าง เดวิด อันส์เวิร์ธ แทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยจากฟอร์มอันแสนย่ำแย่ โดยในเกมนี้ปัญหาใหญ่คือจะไม่ม อูมาร์ นิอัสส์ กองหน้าไนจีเรียที่เล่นดีที่สุดในทีมจาก 4-5 เกมหลังสุด ที่ติดโทษแบน นอกจากนี้ 2 แข้งสำคัญในเกมรับอย่าง เลตัน เบนส์ และ ไมเคิล คีน เกิดมาเจ็บจากเกมล่าสุดที่แพ้เซาธ์แฮมป์ตัน และไม่น่าจะฟิตพร้อมลงเกมนี้ได้ จึงอาจจะมีการสลับปรับเปลี่ยนตำแหน่งกันให้วุ่นวายในส่วนของเกมรับ .. ด้านเกมรุกยังต้องพึ่งเสือเฒ่าอย่าง เวย์น รูนีย์,โดมินิค คัลเวิร์ต เลวิน และ กิลฟี่ ซิเกิร์ดสัน

เอฟเวอร์ตัน 4-2-3-1 : จอร์เเดน พิคฟอร์ด - จอนโจ้ เคนนี่,แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์,ฟิล จาเกียลก้า,คูโก้ มาติน่า - อิดริสซ่า กูเอเย่,มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน - อารอน เลนน่อน,เวย์น รูนี่ย์,กิลฟี่ ซิเกิร์ดสัน และ โดมินิค คัลเวิร์ต เลวิน

สวอนซี เกมนี้จะไม่มี ไคล์ บาร์ทลีย์ ที่บาดเจ็บ และ เฟเดริโก เฟร์นันเดซ ที่มีปัญหาเรื่องของครอบครัวให้ต้องไปจัดการ  ขณะที่ แทมมี อับราฮัม ลงสนามไม่ได้เนื่องจากติดสัญญายืมตัวจาก เชลซี แนวรับใช้ อัลฟี่ มอว์สัน จับคู่กับ ไมค์ ฟาน เดอ ฮอร์น แดนกลางสามคนประกอบด้วย ทอม แคร์โรลล์, คี ซึง-ยอง และ ลีรอย เฟอร์ แนวรุกมี เรนาโต้ ซานเชซ คอยทำเกมอยู่หลังคู่หัวหอก จอร์แดน อายิว และ วิลฟรีด โบนี

สวอนซี I ฟาเบียนสกี้ส์(GK), นอจ์ตัน, ฟาน เดอ ฮอร์น, มอว์สัน, โอล์สัน, กลูคาส, ซึง-ยอง, เฟอร์, เรนาโต้, อายิว, โบนี

เชลซี ทีมอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก โกงตายไล่เจ๊า ลิเวอร์พูลมา 1-1 ในพรีเมียร์ลีกเกมล่าสุด โดยในเกมนี้กุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ จะยังไม่มี วิคเตอร์ โมเซส และ มีชี บาตชัวยี ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นพร้อมลงสนามครบครัน แนวรับคาดว่า ดาวิด ลุยซ์ จะได้กลับมาบัญชาการร่วมกับ แกรี เคฮิลล์ และ เซซาร์ อัธปิลิกวยต่าร์ อีกครั้ง แดนกลางมี เชสก์ ฟาเบรกัส ประสานงานกับ เอ็นโกโล กองเต้ ขณะที่แนวรุกใช้ เอเด็น อาซาร์ และ วิลเลียน คอยปั้นเกมให้ อัลบาโร โมราต้า ล่าต่าข่าย

เชลซี I กูร์ตัวร์(GK), เคฮิลล์, ลุยซ์, อัธปิลิกวยต้า, ก็องเต้, ฟาเบรกัส, ซัปปาคอสต้า, อลอนโซ, วิลเลียน, อาซาร์, โมราต้า

ส่วนทีมเยือน เรอัล มูร์เซีย ทีมในศึก เซกุนด้า เบ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วหลังพ่ายยับคารังตัวเอง ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะไม่มีแน่ๆคือสองแนวรับอย่าง ฆวนร่า (9 นัด 1 ประตู) และ ออร์ติซ (12 นัด) ที่เจ็บ ซ้ำร้ายกองหน้าดาวซัลโวอย่าง ซอร์ริญ่า (11 นัด 6 ประตู)ดันถูกคาดโทษในเกมนี้ทำให้ มาร์ติน จะได้โอกาสลงล่าตาข่ายแทน โดยมี นาดยิบ, ยอเรนเต้ และ โมลิเนโร่ เป็นตัวสนับสนุน

ยูเซอาเอม มูร์เซีย (4-2-3-1) : ซานโตเม่ ; เฟเด เบก้า, ออร์ฟิล่า, มาเตออส, ฟอร์นิเอส ; ซานเชซ, ฆวนม่า ; นาดยิบ, ยอเรนเต้, โมลิเนโร่ ; มาร์ติน

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ บาร์เซโลน่า ตุนสกอร์ในเกมแรกมา 3-0 ทำให้เกมที่สนาม คัมป์ นู นั้นง่ายขึ้นเยอะจึงไม่แปลกที่จะเห็นเหล่าแข้งสำรองกลับมาได้พิสูจน์ฝีเท้าอีกนัดในเกมนี้ ส่วนผู้เล่นที่ยังบาดเจ็บแน่นอนว่าจะไม่มี อุสมาน เดมเบเล่ ปีกวัย 20 ที่ยังเดี้ยงรวมไปถึง ราฟินญ่า, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ส่วน เคราร์ด ปีเก้ กองหลังตัวหลักจะพ้นโทษแบนมาเรียกความฟิตในนีดนี้โดยมี โธมัส แฟร์มาเล่น เป็นคู่หู ส่วนสามประสานแดนหน้าจะปรับมาใช้ อเล็กซ์ บิดัล, ปาโบล อัลกาเซร์ และ เคราร์ด เดโลเฟว

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : แยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ; เนลซอน เซเมโด้, โธมัส แฟร์มาเล่น, เคราร์ด ปีเก้, ลูคัส ดีญ ; การ์เลส อาเลน่า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เดนิส ซัวเรซ ; อเล็กซ์ บิดัล, ปาโบล อัลกาเซร์, เคราร์ด เดโลเฟว

ฮัดเดอร์สฟิลด์ มีปัญหาในการจัดทัพพอสมควรเมื่อจะไม่มี จอน สแตนโควิช, คาซีย์ พาลเมอร์, ฟิลลิป บิลลิง และ ไมเคิล เฮเฟเล ที่มีอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ ราจิฟ ฟาน ลา ปาร์รา ก็ติดโทษแบนลงสนามไม่ได้เช่นกัน แนวรับใช้ ซังก้า จับคู่กับ คริสโตเฟอร์ ชินเดิลส์ แดนกลางใช่ อารอน มอย ประสานงานกับ โจนาธาน ฮ็อกก์ แนวรุกมี เอเลียส คาชุงก้า, ทอม อินซ์ และ อับเดลฮามิด ซาบิรี คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง สตีฟ มูเนีย

ฮัดเดอร์สฟิลด์ I ลอสเซล(GK), สมิธ, ชินเดิลส์, ซังก้า, โลว์, ฮ็อกก์, มอย, อินส์, ซาบิรี, คาชุงก้า, มูเนีย

เจ้าบ้าน อาร์เซน่อล เพิ่งพลิกนรกเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดได้อย่างทันท่วงที... เกมนี้ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่ในสภาพค่อนข้างพร้อมขาดเพียง ซานติ กาซอร์ลา, เมซุต โอซิล และ ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่ อเล็กซ์ อิโวบี้ ต้องรอทดสอบความฟิต แนวรับสามคนใช้ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, ชโครดาน มุสตาฟี และ นาโช มอนเรอัล แดนกลางนำทัพโดย ฟรานซิส ก็อเกอแล็ง กับ กรานิท ชาก้า ขณะที่แนวรุกใช้ อเล็กซิส ซานเชซ ปั้นเกมร่วมกับ แจ็ค วิลเชียร์ คอยสนับสนุน แดนนี เวลเบ็ค ที่ยืนเป็นหัวหอก

อาร์เซนอล I เช็ก(GK), มุสตาฟี, แมร์เตซัคเกอร์, มอนเรอัล, เบลเยริน, โคลาซินัช, ชาก้า, ก็อกเกอแล็ง, อเล็กซิส, วิลเชียร์, เวลเบ็ค

      ซาบรี ลามูชี นายใหญ่ของ แรนส์ มีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงในมือถึง 9 ราย แถมยังต้องลุ้นความฟิตของ เจมส์ เลีย ซิลิกิ (12 นัด) กับ เฌเรมี่ เชอแล็ง (4 นัด) ว่าพร้อมลงสนามหรือไม่ แต่คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่อีกคนที่อดบู๊แน่นอนคือ มอร์ก็อง อามัลฟิตาโน่ (7 นัด) กองกลางประสบการณ์สูงวัย 32 ปี เนื่องจากจะติดโทษห้ามแข่งในเกมนี้พอดี

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แรนส์ (4-2-3-1) : โทมัส คูเบ็ค - ฮามารี ตราโอเร่, เฌเรมี่ เชอแล็ง, เม็กแซร์, เมห์ดี้ เซฟฟาน - เบนจามิน อองเดร, เจมส์ เลีย ซิลิกิ - เบนจามิน บูริกูด์, วาห์บี คาซรี่ , อาเดรียน อูนู - เอ็นดอมเบ มูเบเล่

      สเตฟาน มูแล็ง เฮ้ดโค้ชของ อองเช่ร์ จะไร้เงาของ มาติเยอ มิเชล (6 นัด) กับ เมห์ดี้ ตาห์รัต (5 นัด) ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะประกอบไปด้วย มาเตโอ พาฟโลวิช (9 นัด / 1 ประตู), บาปติสต์ ซานตามาเรีย (11 นัด) และ เอ็นโซ คริเวลลี่ (10 นัด / 1 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อองเช่ร์ (4-1-4-1) : อเล็กซ็องเดร เลอแตลลิเย่ร์ - แวงซ็องต์ มองโซ, มาเตโอ พาฟโลวิช, โรแม็ง โธมัส, ซาลิอู ซิสส์ - บาปติสต์ ซานตามาเรีย - ปิแอร์ริค กาเปลเล่, อันเจโล่ ฟัลกินี่, โธมัส ม็องกานี่, คาร์ล อีก็อมบี้ - เอ็นโซ คริเวลลี่

ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะพลาดไม่ได้อีกเเล้วหากยังอยากลุ้นแชมป์ลีกในตอนนี้ โดยในเกมกับ สโต๊ค คืนนี้จะยังไม่มี อดัม บ็อกดาน และ เนธาเนียล ไคลน์ ที่มีอาการบาดเจ็บ และยังต้องรอเช็คความฟิตของ เดยัน ลอฟเรน และ เอ็มเร ชาน อีกด้วย แนวรับต้องใช้ โจเอล มาติฟ จับคู่กับ แร็กนาร์ คลาวาน แดนกลางใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ประสานงานกับ จอร์จินโญ ไวจ์นัลดุม และ ฟิลิปป์ คูตินโญ ขณะที่แนวรุกเป็นสามประสาน ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน คอยล่าตาข่าย

ลิเวอร์พูล I มิโญเลต์(GK),อาร์โนลด์, คลาวาน, มาติป, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม, คูตินโญ, ซาลาห์, มาเน, ฟีร์มิโน

สโต๊ค ทีมระดับกลางค่อนล่างของพรีเมียร์ลีก เกมนี้ กุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ จะไม่สามารถใช้งาน แจ็ค บัตแลนด์, เกล็น จอห์นสัน และ สตีเฟน ไอร์แลนด์ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ เจฟฟ์ คาเมรอน ยังต้องรอทดสอบความฟิต แนวรับสามคนใช้ เควิน วิมเมอร์, ไรอัน ชอว์ครอสส์ และ เคิร์ท ซูมา ประจำการ แดนกลางนำทัพโดย ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และ โจ อัลเลน ขณะที่แนวรุก เฆเซ จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงประสานงานกับ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง และ เซอร์ดาน ชากิรี

สโต๊ค I แกรนต์(GK), วิมเมอร์, ชอว์ครอสส์, ซูมา, ดิยุฟ, อัลเลน, เฟล็ทเชอร์, ปีเตอร์ส, ชูโป-โมติง, ชากิรี, เฆเซ

วิเซนต์ เมียร์ กุนซือ เอลเช่ ยังพอมีเหลี่ยมให้สู้อยู่บ้างหลังเจ๊ามาในเกมแรก 1-1 ส่วนความพร้อมในเกมนี้ทีมเยือนจะไม่มี กาเบรียล โคโรโซ่ แบ็คขวาที่เดี้ยงยาวถึงเดือนมีนาคมจากปัญหาที่หัวเข่า ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะถูกส่งลงสนามจะใช้ โซรี่ กาบา หัวหอกตัวเก่งลงจับคู่กับ โลโล่ เปรีย โดยมี อีวาน ซานเชซ กับ ฆาบี ฟลอเรส ขึ้นเกมทางริมเส้นโดยมี ดีเอโก้ เบนิโต้ รับบทบาทเป็นจอมทัพในระบบ 4-4-2

เอลเช่ (4-4-2) : กิลเลอร์โม่ วาลเลโฆ่ ; อีวาน กาเลโร่, กอนซาโล่ เบร์ดู, โรมัน โกโลบาร์, เอดู อัลบาการ์ ; ดีเอโก้ เบนิโต้, ฆาบี ฟลอเรส, มาโนลิน, อีวาน ซานเชซ ; โซรี่ กาบา, โลโล่ เปรีย

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ ''ตราหมี'' แอตฯมาดริด ไม่มีรายชื่อตัวเจ็บแน่ๆก็คือ ฆวนฟราน (8 นัด)กับ ซีม เวอร์ซัลจ์โก้ (3 นัด) 2 แนวรับประจำทีม ส่วนการปรับผังผู้เล่นในนัดนี้แน่นอนว่าจะเป้นโอกาสของเหล่าแข้งสำรองได้ลงพิสูจน์ตัวเองซึ่งแดนหน้าเตรียมถอดชื่อของ อังเคล กอร์เรอา และ อองตวน กรีซมันน์ พร้อมกับส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ลูเซียโน่ เวียตโต้ ลงจับคู่ล่าตาข่าย โดยมี นิโกลาส ไกตัน และ อากุสโต้ เฟร์นานเดซ ลงมาปั้นเกมทางริมเส้นแทนที่ของ โกเก้ และ ซาอูล ญีเกซ

แอตฯมาดริด (4-4-2) : มิเกล โมย่า ; ซีม เวอร์ซัลจ์โก้, ลูกัส เฮร์นานเดซ, โฆเซ่ กิเมเนซ, เซร์คิโอ กอนซาเลซ ; อากุสโต้ เฟร์นานเดซ,มิเกล อังเคล โมย่า. โธมัส ปาร์เตย์, นิโกลาส ไกตัน ; เฟร์นานโด ตอร์เรส, ลูเซียโน่ เวียตโต้

เบิร์นลี่ย์ ของ ฌอน ไดซ์ กำลังทำอันดับได้ดีขึ้นเรื่อยๆใน พรีเมียร์ลีก เกมนี้เหลือตัวเจ็บหลักเพียงรายเดียวคือ ทอม ฮีตัน โกลมือ 1 แต่ นิค โป๊ป มือ 2 ก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอมาจาก 3 เดือนหลังที่ผ่านมา เกมนี้ ไดซ์ จะเปลี่ยนทีมเยอะหน่อยโดยเฉพาะกองกลางที่จะต้องให้ แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด ลงแทน สตีเว่น เดอฟูร์ ขณะที่กองหน้าจะใช้คู่เก่งอย่าง คริส วู้ด และได้รับการสนับสนุนจาก เจฟฟ์ เฮนดริค

เบิร์นลี่ย์ (4-4-1-1) : นิค โป๊ป - แม็ตธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, สตีเฟ่น วอร์ด - ร็อบบี้ เบรดี้, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, แจ็ค คอร์ค, สกอตต์ อาร์ฟิลด์ - เจฟฟ์ เฮนดริค - คริส วู้ด

บอร์นมัธ ของกุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว กำลังขยับอันดับในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้ดีขึ้นเรื่อยๆจากฟอร์มในระยะหลัง เกมนี้ เดอะ เชอร์รี่ มีนักเตะตัวเจ็บแบบเดิมๆไม่มีผลกับการจัดทีมแน่นอน ( เจอร์เมน เดโฟ, จูเนียร์ สตานิสลาส, ไทรอน มิงส์, แบร็ด สมิธ และ อดัม เฟเดริซี่) ด้านตัวหลักที่ใช้งานเป็นประจำต้องบอกว่าพร้อมทุกตำแหน่งนำโดย โจชัว คิง,คัลลัม วิลสัน และ จอร์ดอน ไอบ์ พร้อมนำทัพ

บอร์นมัธ (4-4-1-1) : อัสเมียร์ เบโกวิช - ไซม่อน ฟรานซิส, สตีฟ คุ๊ค, นาธาน อาเก้, ชาร์ลี แดเนี่ยลส์ - ไรอัน เฟรเซอร์, ลูอิส คุ๊ค, แอนดรูว์ เซอร์มัน, มาร์ก พิวจ์ - โจชัว คิง - คัลลัม วิลสัน

เซาท์แฮมป์ตัน ของกุนซือ เมาริซิโอ เปเญกริโน่ เอาชนะได้ในเกมพรีเมียร์ลีกล่าสุดด้วยฟอร์ทสุดหรู โดยเกมนี้จะได้กองกลางตัวเก่งอย่าง ออริโอล โรเมอู กลับมาพร้อมออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงหลังจากโดนแบนไปในเกมที่เเล้ว เช่นเดียวกับ มาริโอ เลมิน่า มิดฟิลด์ห้องเครื่องที่ฟิตเต็ม 100 พอดิบพอดี ส่วนเเนวรุกจะมีการเปลี่ยนบ้างโดยจะให้ ชาร์ลี ออสติน ที่ยิง 2 เม็ดในเกมก่อนกลับมาจองเป็นตัวจริง

เซาท์แฮมป์ตัน (4-2-3-1) : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ - เซดริก โซอาเรส, เฟอร์กิล ฟาน ไดย์ค, เวสลี่ย์ โฮเอ็ดต์, ไรอัน เบอร์ทรานด์ - โอริออล โรเมอู, มาริโอ เลมิน่า - เจมส์ วอร์ด-เพราส์, ดูซาน ทาดิช, โซฟิยาน บูฟาล - ชาร์ลี ออสติ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นำลิ่วเป็นจ่าฝูงของ พรีเมียร์ลีก ในปีนี้ด้วยการเอาชนะในลีกแบบต่อเนื่องหาใครหยุดยาก ในเกมนี้จะต้องโรเตชั่นหลายตำแหน่งเพราะต้องเตะ 3 เเมตช์ใน 9 วัน จึงทำให้ นักเตะตัวหลักบางคนอาจจะได้นั่งพักก่อนอาทิ กุน อเกวโร่ ที่น่าถูกแทนที่ด้วย กาเบรียล เชซุส และนักเตะสำรองอย่าง ฟาเบียน เดลฟ์,อิลคาย กุนโดกัน รวมถึง แบร์นาโด้ ซิลวา ก็น่าจะไดออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง ส่วนตัวที่ขาดไปลงไม่ได้แน่นอนคือ จอห์น สโตนส์ ที่เจ็บไปก่อนหน้านี้รวมถึง เบนจามิน เมนดี้ ที่เจ็บยาวพัก 9 เดือน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์สัน โมราเอส - ดานิโล่, เอเลียกิม ม็องกาล่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดลฟ์ - อิลคาย กุนโดกาน, แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, กาเบรียล เชซุส, เลรอย ซาเน่

      ฟาบิโอ กรอสโซ่ ผู้จัดการทีมของ บารี่ ไม่มีเรื่องให้ต้องวิตกกังวลในการเลือกตัวผู้เล่นลงสนาม เพราะสามารถเรียกใช้งานลูกทีมได้ทุกคน เชื่อว่า กรอสโซ่ น่าจะจัด 11 ตัวจริงชุดใหญ่ลงสู้ศึก โดยจะยังไม่เปลี่ยนแปลงทีมชุดปัจจุบัน เนื่องจากทุกคนทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว นำทีมมาโดย คริสเตียน กาลาโน่ (11 นัด / 10 ประตู)

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บารี่ (4-3-3) : อเลสซานโดร มิไค - ดาจ์ฟาน แอนเดอร์สัน, เดนิส โตนุชชี่, นอร์เบิร์ต กยอมเบอร์, ริคคาร์โด้ ฟิอามอซซี่ - อันเดรส เตโญ่, มิกเยน บาช่า, จาโคโป เปตริชชิโอเน่ - ริคคาร์โด้ อิมโปรต้า, คาราโมโก้ ซิสเซ่, คริสเตียน กาลาโน่

      จูเซ็ปเป้ ยาชินี่ เทรนเนอร์ของ ซัสซัวโล่ มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ 6 ราย ได้แก่ คริสเตียน เดลล์ออร์โก้, ติโม เลตเชิร์ต (5 นัด), โคล้ด อัดฌาปอง (6 นัด), ดาวิเด้ บิออนดินี่ (5 นัด) และ อัลเฟร็ด ดันเเคน (9 นัด) แต่คงไม่ส่งผลอะไรมากนัก เพราะ ยาชินี่ น่าจะเลือกใช้ชุดผสมลงเล่น เพื่อให้ตัวจริงได้พักบ้าง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซัสซัวโล่ (4-3-3) : อันเดรีย คอนซิญี่ - มาร์เชลโล่ กาซโซล่า, เปาโล คันนาวาโร่, ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้, เฟเดริโก้ เปลูโซ่ - ลูก้า มาซซิเตลลี่, ฟรานเชสโก้ มาญาเนลลี่, ซิโมเน่ มิสซิโรลี่ - จิอันลูก้า สคามัคก้า, อเลสซานโดร มาตรี้, มัตเตโอ โปลิตาโน่

มอนเตอากูโด้ เฮดโค้ชใหญ่ของ คาร์ทาเกน่า ตัวแทนจาก เซกุนด้า เบ แทบไม่เหลืออะไรให้ลุ้นหลังพ่ายยับเยินคาถิ่นจากนัดแรก ส่วนสภาพความมั่นใจก่อนลงสนามดูไม่สู้ดีนักหลังยังไร้ชัยมา 2 เกมรวด(เสมอ1แพ้1) ขณะที่ความพร้อมในเกมพวกเขาจะไร้เงา อัลบาโร่ กอนซาเลซ ปีกตัวจี๊ดที่บาดเจ็บมาจากเกมวันเสาร์เพียงรายเดียวเท่านั้น ส่วนแข้งทีเด็ดจะได้เห็น มุสซ่า กามาร์ หัวหอกวัย 22 กระรัตชาวเซเนกัลลงเป็นหน้าเป้าร่วมกับ กูกิ ซาลาซาร์ ทำให้ อิซ๊าค อเคเท็กซ์
ต้องหลุดเป็นตัวสำรอง ส่วนผังมิดฟิลด์จะใช้ เซจิโอ้ ฆิมิเนซ เป็นตัวชูโรงในการขึ้นเกมริมเส้น

คาร์ทาเกน่า (4-2-3-1) : มาร์กอส โมราเลส; ฆวน เกบัลลอส, มิเชล ซาบาโก้, มอยเซส การ์เซีย, มาร์กอส รุยซ์, เซจิโอ้ ฆิมิเนซ, ฮูโก้ โรดริเกซ,อเลฮานโดร ชาเบโร่, ดานี่ อบาโล่ -กูกิ ซาลาซาร์, มุสซ่า กามาร์

กุนซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ นายใหญ่ประจำทีมตุนความได้เปรียบจากเกมแรกจากการบุกถล่มยับ 3-0 จึงไม่แปลกที่เกมนี้จะได้เห็นแข้งสำรองตบเท้าลงสนามหลายราย ส่วนตัวเจ็บแน่นอนว่าจะไม่มี ดาเนี่ยล การ์ริโก้ (3 นัด), นิโก้ ปาเรฆ่า (2 นัด), ไซม่อน ชาร์ (9 นัด) 3 แนวรับที่เดี้ยงอยู่ก่อนหน้านี้ แถมจะเป็นการกลับไปใช้ชุดเกรดสำรองผสนมแกนหลักบางตำแหน่งเหมือนในเลกแรก ซึ่งกองหน้าจะเป็นคิวของ โนลิโต้ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ ปาโบล ซาราเบีย และ เบน เยดเดอร์ ที่กำลังร้อนแรง ส่วนผังแดนกลางจะทำการพัก เอแวร์ บาเนก้า กีโด ปิซซาโร่ และ สเตเว่น เอ็นซ็องซี่ เพื่อเปิดทางให้กับ บอร์ฆา ลาสโซ่, กานโซ่ และ โครห์น-เดลี

เซบีญ่า (4-3-3) : ดาบิด โซเรีย ; เซบาสเตียน คอร์เชีย, โยฮานเนส กีส, แกลร์กมงต์ ล็องเล่ต์, ลิโอเนล คาโรล ; บอร์ฆา ลาสโซ่, กานโซ่, โครห์น-เดลี : ปาโบล ซาราเบีย, เบน เยดเดอร์, โนลิโต้

      โอลิวิเย่ร์ ป็องตาโลนี่ กุนซือของ อฌักซิโอ้ ยังคงเตรียมลุยศึกค่ำคืนนี้แบบเต็มสูบ เพราะไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ เรื่องสภาพทีมเข้ามา เชื่อว่า ป็องตาโลนี่ น่าจะยังไว้ใจใน 11 ขุนพลชุดที่เปิดบ้านแพ้ แร็งส์ 0-1 ในเกมลีกนัดก่อนอยู่ต่อไป นั่นหมายความว่า รย๊าด นูรี่ (14 นัด / 6 ประตู) จะได้โอกาสลงสนามเป็น 11 ตัวจริงต่อเนื่อง

      เอริค ซิโคร่า นายใหญ่ของ ล็องส์ จะไม่มีชื่อของ อับเดลราฟิค เชราร์ด (8 นัด / 1 ประตู), เฟรเดริค ดูปรัส (10 นัด) และ มูอาด มาดรี้ (2 นัด) ที่ยังเจ็บอยู่ แต่แข้งตัวหลักๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็น กริสเตียน โลเปซ (13 นัด / 5 ประตู), เกอแว็ง ฟอร์จูน (14 นัด / 5 ประตู) และ ฌ็องริกแนร์ เบลล์การ์ด (12 นัด / 1 ประตู)

      ฟาบิยง เเมร์กาดัล นายใหญ่ของ ปารีส สบายใจได้ก่อนเกมเลย เมื่อสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ 100% สามารถเลือกจัดทีมชุดใหญ่ได้ตามสะดวก เชื่อว่า เเมร์กาดัล ไม่น่าจะคิดเปลี่ยนแปลง 11 ขุนพลแต่อย่างใด เพราะลูกทีมทำหน้าที่กันได้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะหัวหอกของทีมอย่าง มาลิก ทูคูนเต้ (15 นัด / 5 ประตู)

      ฌอง วาสเซอูร์ เฮ้ดโค้ชของ ชาโตรูซ์ ยังไร้เงาของ เซริกเน่ เนียง (8 นัด) กับ คริสโตเฟอร์ โอเปอรี่ (1 นัด) ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างไปจากชุดปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ โดยจะมี อูมาเร่ ตวนการ่า (12 นัด / 2 ประตู) เป็นตัวทีเด็ดในแนวรุก

      ฌอง ฟูร์ล็อง เทรนเนอร์ของ แบรสต์ จะไร้เงาของ ล็องนี่ แป็งตอร์ กองหน้าดาวรุ่งของทีม ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนในราย อิบราอิม่า ซิสโซโก้ (10 นัด) ห้องเครื่องตัวเก่ง จะติดโทษห้ามแข่ง นั่นบังคับให้ ฟูร์ล็อง ต้องปรับ 11 ขุนพลอีกครั้ง แต่สำหรับ เอดูอาร์ บูแต็ง (15 นัด / 1 ประตู) พร้อมลงล่าตาข่ายแน่นอน

      ปาสกาล กัสติย็อง กุนซือของ แกลร์กมงต์ ฟุต มีรายงานเรื่องลูกทีมเดี้ยงเข้ามา 4 คน คือ คาริม เฌลลาบี้ (2 นัด), มาร์ติน คาฟดานสกี้ (8 นัด), มิเชล เอสปิโนซ่า (5 นัด) และ โตมาส กูร์แบร์ แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทัพ เพราะไม่ใช่ตัวหลักในช่วงนี้อยู่เเล้ว ส่วนพวกกำลังหลักคนอื่นๆ พร้อมลงสนามกันได้ทั้งหมดทุกคน

ส่วนทีมเยือน ลิเบอร์ตาด อาซันซิออง ของกุนซือเลือดสปนอย่าง เฟร์นานโด จูเบโร่ กำชัยมาได้ก่อนนัดแรกทำให้เกมนี้วางแท็คติกเล่นได้ง่ายกว่าเดิม ส่วนความพร้อมในเกมนี้มีจุดหนึ่งที่ต้องกังวลหลัง ออสก้า คาร์โดโซ่(13นัด/4ประตู) หัวหอกตัวหลักที่ติดโทษแบนในเกมนี้ทำให้โฉมหน้าแนวรุกจำเป็นต้องหวังพึ่ง ซานติอาโก้ ซัลเซโด้ และ ฮวน ซานตาครูซ ในการผลิตสกอร์

อาเรียล ฮอร์ลัน ผู้จัดการทีม อินดิเพนเดนเต้ เตรียมกลับมาเล่นในบ้านอีกครั้งหลังบุกไปพ่าย ลิเบอร์ตาด อาซันซิออง ก่อนในเกมแรก 0-1 ทำให้โจทย์เกมนี้จำเป็นต้องชนะสองประตูขึ้นไปเท่านั้นหากต้องการทะลุผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนามแน่นอนว่าจะไม่มี โจนาส กูเตียร์เรซ(10นัด)กองกลางที่ติดคัพ-ไท รวมไปถึง นิโคลาส ฟิเกา(-)ที่จะไร้ชื่อในเกมนี้ ส่วนตัวทีเด็ดในเกมนี้อย่าง เอ็มมานูเอล จิเกลอ็อตติ(6นัด) และ แมกซิมิลาโน เมซ่า(9นัด/2ประตู)พร้อมลงบู๊ในเกมนี้